ข่าวการจับตัวของกำนันเป๊าะ

Posted on 10 เมษายน 202010 เมษายน 2020Categories ข่าวเด็ดTags

วันที่10พฤษภาคม 2549 ศาลฏีกาอ่านคำพิพากษาลับหลังยืนตามศาลอุทธรณ์คือจำคุก5ปี4เดือน่เป็นอันจบคดีทุจริตที่ดินทิ้งขยะเขาไม้แก้ว6ปีหลังจากนั้นคดีสำคัญจ้างวานฆ่ากำนันยูรก็ไกล้มาถึงจุดจบแต่มันก็ยังไร้วี่แววกำนันคนดังวันที่24เดือนมกราคม 2555 ศาลอาญาได้ออกหมายจับกำนันเป๊าะเนื่องจากไม่มาฟังคำอ่านคำพิพากษาศาลฏีกาและวันที่12มีนาคม 2555 ทางด้านศาลฏีกาก็ได้พิพากษาจำคุกกำนันเป๊าะ25ปีเป็นอันสิ้นสุดในกระบวนการยุติธรรมคดีจ้างวานฆ่ากำนันยูร

และในทุกๆคดีที่เกี่ยวกับกำนันเป๊าะ และ ไม่มีใครที่จะได้รับรู้ว่ามันอาจจะเป็นเพราะความเจ็บป่วยที่อาจจะยื้อปีนในแห่งอิสระภาพเอาไว้ได้เพียงไม่นานหรือเพราะโทษทันจากของทั้งสองคดีนั้นที่ทางด้านของกำนันเป๊าะได้รับมันหนักหนาแต่ในยามนั้นทางรอดเดียวที่เขานั้นได้เลือกจึงได้กลายเป็นหายตัวไปเข้ากรีบเมฆนอกจากเส้นทางธุรกิจเส้นทางและการเมืองแล้ว กำนันเป๊าะยังมีบทบาทในวงการบันเทิงด้วยครั้งหนึ่งเขานั้นได้เคยเข้าร่วมแสดงภาพยนต์ไทยสไตล์บู๊ถุง2เรื่อง ช่ือว่า “เหนือนักเลง” และ “มันมือเสือ” และยังเคยเป็นนายแบบโฆษณาเครื่องดื่มแอลกฮอล์ชื่อดังที่มีสโลแกนเด็ดว่า “หนักแน่ แต่นุ่มนวล” กำนันเป๊าะร่องหนได้เก็บตัวเงียบนับ

ตั้งแต่วันที่ศาลฏีกาพิพากษาจำคุกเมื่อปี2549บางกระแสระบุว่าเขาหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านท่ามกลางกระแสข่าวว่ากำนันเป๊าะได้หลบหนีไปยังเกาะกงประเทศกัมพูชาขณะเดียวกันก็ปรากฏข่าวรือว่ามีคนพบเห็นชายสูงอายุคล้ายกำนันเป๊าะเดินทางไปยังประเทศออสเตรียด้วยเครื่องบินพาณิชย์สายการบินแห่งหนึ่งบ้างก็ว่าเขาได้กลับมาอยู่เมืองไทยแบบลับมานาน6/7ปีแล้วแต่ไม่ว่าความจริงเขาจะหนีไปอยู่ที่ใดก็ตามอิสระภาพที่มีมานานก็ต้องสิ้นสุดลงในชั่วสายของวันที่30มกราคม2556

การจับกุมสมชายบุญปลื้มหรือกำนันเป๊าะผู้ทรงอิทธิพลแห่งภาคตะวันออกของคอมมานโดกองปราบปรามเป็นตัวอย่างความสำเร็จของการนำทฤษฏีการวิเคราะห์พฤติกรรมศาสตร์มาใช้พฤติกรรมของผู้ต้องหาหลักมีผู้ร้องเรียนมีผู้พบคนดังใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในบ้านพักที่ชลบุรีและเบาะแสคิดวิดีโอที่กำนันเป๊าะฉลองวันเกิดกับครอบครัวจากโซเชียลเน็ตเวิร์กตำรวจเริ่มต้นวิเคราะห์ความสัมผัมของคนในครอบครัวกำนันเป๊าะที่ทั้งหมดอยู่ในที่จังหวัดชลบุรีตรวจสอบการใช้โทรสับกับคนไกล้ชิดก่อนส่งทีนลงพื้นที่สังเกตุการณ์รวมทั้งตรวจสอบรถที่เข้าออกบ้านทุกคันจากนั้นนำข้อมูลมาประมวลผลหาข้อเท็จจริง

จนมั่นใจเป้าหมายและสะกดรอยตามตลอดสองเดือนแต่เพราะอะไรจากที่หลบหนีมาเกือบ10ปีอยู่กำนันเป๊าะก็ยอมจับตัวให้โดยง่ายหรือการจับกุมครั้งนี้จะเป็นเพียงการจัดฉากเพื่อหาทางออกให้กำนันแห่งภาคบูรพาเมื่อเจ้าพ่อคนหนึ่งถูกจำกัดอิสระภาพความสนใจของคนในสังคมก็คงไม่พ้นอิทธิพลของเขาจะหมดลงไปหรือไม่หรือมันจะถูกถ่ายโอนไปสู่ทายาทคนใด

เด็ก 7 ขวบโดนอุ้มที่ตลาด หนีหายไปต่อหน้าต่อตาปู่กับป้า

Posted on 26 มีนาคม 202026 มีนาคม 2020Categories ข่าวเด่นวันนี้Tags

มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ตลาดย่านเขตทุ่งครุเหตุการณ์มีอยู่ว่าไม่ใช่คนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาอยู่ดีๆก็มาอุ้มเด็กหญิงอายุเพียง 7 ขวบ โดย เด็กชื่อว่าน้องพลอยขึ้นรถจักรยานยนต์ที่หายไป ต่อหน้าต่อตาของปู่และกับป้าที่กำลังยืนซื้อของอยู่ในตลาด ซึ่งทั้งปู่และป้าได้ไปทำการแจ้งความที่สถานีตำรวจแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรจึงได้มีการร้องขอความช่วยเหลือจากบุคคลทั่วไปผ่านทาง facebook ว่าหากใครพบเห็นเหตุการณ์หรือว่าจำหน้าคนร้ายได้ให้ช่วยติดต่อประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมตัวคนร้ายคนนี้เพื่อที่จะได้ตามหลานสาวกลับคืนมา

หลังจากที่ได้ขอความช่วยเหลือผ่านทาง facebook ไปแล้วก็ได้ทราบข้อมูลมาว่าคนที่ขี่รถจักรยานยนต์มาพาตัวเด็กหญิงอายุ 7 ขวบที่ชื่อว่าน้องพลอยไปนั้นเป็นคุณพ่อของน้องเอง การสอบถามทางคุณพ่อที่ได้มาพาตัวลูกสาวไปนั่นก็เพราะว่าคุณพ่อเห็นว่าปู่และป้าเลี้ยงหลานแบบตามใจจนเกินไปด้วยคุณพ่อเกรงว่าลูกสาวจะเสียคน และที่สำคัญคุณพ่อคนดังกล่าวมีลูกทั้งหมด 4 คนแต่ปู่กับป้าสนใจเฉพาะหลานสาวคนนี้คนเดียวจึงทำให้พ่อเกิดความหมั่นไส้จึงได้มาทำท่าลักพาตัวน้องพลอยไปจึงเป็นที่มาที่ทำให้ปู่กับป้าพากันประกาศตามหาน้องพลอยกันจ้าละหวั่น 

        จากการสอบปากคำว่าของน้องพลอยที่ถูกอุ้มตัวหายไปนั้นทางคุณป้าบอกว่าระหว่างที่ยืนซื้อของอยู่นั้นอยู่ๆก็ มีชายคนหนึ่งแต่งตัวมิดชิดและสวมหมวกกันน็อคซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ดีๆก็วิ่งมาอุ้มหลานสาวของตนขึ้นรถมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไปซึ่งระหว่างนั้นน้องพลอยก็ร้องไห้เสียงดังเพื่อให้ช่วยเหลือทำให้ไม่ทราบว่าคนที่มาอุ้มน้องพลอยไปนั้นเป็นใครจึงได้พากันเดินทางไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตามหาตัวน้องพลอยรวมถึงได้มีการโพสต์ทาง facebook เพื่อให้ประชาชนในโลกโซเชียลช่วยกันติดตามหาคนร้ายเล็กติดตามตัวน้องพลอยกลับคืนมาสู่อ้อมอกของปู่และป้า 

         ซึ่งจากการติดตามหาตัวน้องพลอยก็พบว่า Facebook ของคุณพ่อน้องพลอยได้มีการโพสต์ภาพน้องพลอยและลูกอีก 2 คนอยู่ด้วยกันกับนายเอ็มซึ่งก็คือคุณพ่อของน้องพลอยนั่นเองจึงทำให้รู้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ผู้ที่มาพาตัวน้องพลอยไปนั้นก็คือคุณพ่อของน้องพลอยนั่นเอง ซึ่งเมื่อสอบถามคุณปู่ก็ได้ความว่านายเอ็ม มีลูกทั้งหมด 4 คนและน้องพลอยกับน้องแพรซึ่งเป็นฝาแฝดกันเป็นลูกกับเมียคนแรกอีก 2 คนเป็นลูกกับเมียคนที่สองซึ่งปู่กับป้าได้เลี้ยงน้องพลอยมาตั้งแต่ยังเด็กจึงทำให้รักน้องพลอยมากเวลาซื้อของอะไรก็จะซื้อมาฝากเฉพาะกับน้องพลอยน้องแพรทำให้นายเอ็มเกิดความอิจฉาริษยาว่าลูกอีก 2 คนของนายเอ็มจะไม่ได้รับความรักจากปู่เท่ากับน้องพลอยกับน้องแพรจึงได้มาขโมยตัวน้องพลอยไป

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

Posted on 26 กุมภาพันธ์ 202022 กุมภาพันธ์ 2020Categories ประเด็นข่าวTags

 แนะเลี่ยงไปพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19หากอยากไปเที่ยวเกาหลี

มีประกาศเตือนออกมาจากสถานทูตของเกาหลีซึ่งได้ออกมาประกาศเตือนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางไปเที่ยวยังประเทศเกาหลีใต้ซึ่งหากถ้าใครไปเที่ยวเกาหลีช่วงนี้คุณพยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในสถานที่ที่มีรายชื่อว่าพบการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในขณะนี้ปลุกว่าที่ประเทศเกาหลีใต้มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

จะกรณีที่ตอนนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซึ่งในโซนเอเซียเองก็มีหลายประเทศด้วยกัน มีรายงานข่าวเข้ามาว่า Facebook ของสถานทูต ณ กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ได้มีการมาโพสต์ข้อความเตือนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการจะเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้โดยมีการเขียนข้อความแจ้งเข้ามาว่าในขณะนี้ที่ประเทศเกาหลีใต้มีการประกาศเตือนเกี่ยวกับการแพทยระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 รวมถึงยังมีการแพร่ระบาดเกี่ยวกับโรคปอดอักเสบ

ซึ่งการติดเชื้อเป็นโรคปอดอักเสบนี้ก็มีผลพวงมาจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าเช่นเดียวกัน

โดยมีรายการข่าวแจ้งเข้ามาว่าที่ประเทศเกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าโดยจากสถิติข้อมูลที่ได้รับมามีการระบุว่าแค่เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้นก็ตรวจพบว่ามีชาวเกาหลีใต้จำนวน 156 คนที่ได้ติดเชื่อไวรัสโคโรน่าเรียบร้อยแล้วซึ่งพื้นที่ที่มีการแพทยระบาดมากที่สุดก็คือเมืองแทกูและยังมีพื้นที่โดยรอบของจังหวัดคยองซังเหนือที่ตรวจพบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้รวมทั้งสิ้น 111 คนนี่คือข้อมูลล่าสุดจนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ปีพ.ศ. 2563

ซึ่งทางการสถานทูตเกาหลีได้เล็งเห็นแล้วว่าทางเกาหลีใต้ยังไม่สามารถที่จะทำการควบคุมไม่ให้เชื่อไวรัสนี้แพร่ระบาดได้ดังนั้นจึงได้ประกาศเตือนคนไทยที่จะไปท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ในช่วงนี้ให้พยายามหลีกเลี่ยงสองเมืองที่กล่าวมาทั้งต้นเนื่องจากว่าทั้งสองเมืองนี้กำลังเป็นจุดที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ในช่วงนี้

และถ้าหากนักท่องเที่ยวคนไหนที่ยังต้องการไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ช่วงนี้ก็ให้พยายามหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนี้จุดที่มีคนมาชุมนุมร่วมกันเป็นจำนวนมากและควรระวังในเรื่องของการรักษาสุขภาพของตนเองโดยให้สวมใส่หน้ากากอนามัยรวมถึงให้ทำความสะอาดมือบ่อยบ่อยและหาต้องรับประทานอาหารควรจะมีช้อนกลางเพื่อเป็นการดูแลตัวเองป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าแต่ในทางที่ดีแล้วในช่วงนี้ไม่ควรเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจะเป็นการดีที่สุดเอาไว้สามารถควบคุมไวรัสได้แล้วค่อยไปเที่ยวก็ยังไม่สาย