หญิงสาวที่อำเภอพรหมพิรามซื้อโทรศัพท์มือถือแล้วค่ะส่งจนถูกฟ้องร้องถูกยึดที่ดิน

Posted on 8 มิถุนายน 20208 มิถุนายน 2020Categories ข่าวเด่นTags ,

          เหตุการณ์เกิดขึ้นมานานมากแล้วตั้งแต่ปีพศ 2559 เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งเธอได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทางศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดพิษณุโลกได้ทราบถึงปัญหาของเธอเพื่อต้องการให้ทางศูนย์ดำรงธรรมนั้นไปช่วยกันแก้กล่อมให้บุคคลที่ 3งั้นขายที่ดินคืนเธอในราคาที่ไม่ต้องสูงมากนักโดยเธอเล่าว่าในช่วงประมาณปีพศ 2559

เธอได้ไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งและเธอได้เดินไปที่ร้านขายโทรศัพท์มือถือร้านหนึ่งและทำการยื่นขอซื้อโทรศัพท์มือถือในราคาเครื่องละ 3 หมื่นกว่าบาทโดยเป็นการผ่อนจ่ายโทรศัพท์มือถือในทุกๆเดือนแต่เนื่องจากเมื่อซื้อโทรศัพท์มือถือมาแล้วประสบกับปัญหาผังครอบครัวทำให้ไม่มีเงินไปผ่อนจ่ายโทรศัพท์มือถือโดยเธอผ่อนไปเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น

เธอก็หยุดผ่อนหลังจากนั้นร้านที่ขายโทรศัพท์มือถือให้เธอก็ยื่นฟ้องศาลต่อเธอจนในที่สุดนั้นศาลก็ได้มีการมีคำสั่งออกมายึดทรัพย์สินของเธอซึ่งเป็นที่ดินจำนวน 4 ไร่ให้นำที่ดินดังกล่าวนั้นขายทอดตลาดออกไปและนำเงินมาคืนร้านโทรศัพท์มือถือซึ่งเมื่อคำนวณยอดของค่าโทรศัพท์มือถือและดอกเบี้ยแล้วเธอจำเป็นต้องคืนค่าโทรศัพท์มือถือนั้น

อยู่ที่ประมาณ 30,000 บาทเท่านั้นเองแต่ด้วยราคาที่ดินที่เธอถูกยึดทรัพย์ไปนั้นมีการนำไปขายออกในราคา ห้าแสนบาทซึ่งที่ดินดังกล่าวนั้นเป็นที่ดินของพ่อแม่ของเธอเธอจึงจำเป็นต้องอยากจะซื้อที่ดินกับคืนมาให้กับพ่อและแม่ซึ่งเมื่อเธอติดต่อบุคคลที่ 3 ที่ซื้อที่ดินของเธอไปปรากฏว่าเขาทำการยื่นเรื่องขายที่ดินดังกล่าวคืนให้กับเธอในราคาถึง หนึ่งล้านหกแสน บาท

ซึ่งถ้ามองว่าเป็นราคาที่สูงมากจนเกินไปและเธอไม่สามารถหาเงินมาซื้อต่อได้เพราะจริงๆแล้วทางกรมบังคับคดีขายที่ดินของเธอออกเพียงแค่ห้าแสนบาทเท่านั้นแต่พอเธอจะซื้อกับคืนมาเจ้าของที่ดินคนใหม่กับขายให้เธอเพิ่มเป็น 3 เท่าจากราคาที่ดินที่เธอขายให้กับเขาทำให้เธอนั้นอยากจะให้ทางศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดพิษณุโลก

เข้ามาเป็นตัวกลางช่วยเกลี้ยกล่อมให้เจ้าของที่ดินนั้นลดราคาที่ดินขายให้เธอในราคาถูกลงมากกว่านี้เนื่องจากว่าเธอนั้นไม่มีปัญญาที่จะไปหาเงินมาซื้อที่ดินในราคาถึงล้าน 6 แสนบาทแน่นอนอย่างไรก็ตามทางศูนย์ดำรงธรรมได้มีการรับเรื่องที่จะไปเป็นตัวแทนและเป็นตัวกลางในการเจรจาซื้อขายที่ดินในครั้งนี้เพราะทางศูนย์ดำรงธรรมเองก็มองว่าการที่เจ้าของที่ดินนั้นเรียกร้องราคาที่ดินที่สูงมากเกินไปนั้นก็รู้สึกไม่เป็นธรรมกับหญิงสาวคนดังกล่าวเช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน

ประเทศไทยได้รับการยกย่องจากคุณหมอชื่อดังของประเทศสหรัฐอเมริกา

Posted on 31 พฤษภาคม 202031 พฤษภาคม 2020Categories ข่าวเด่นTags ,

ประเทศไทยได้รับการยกย่องจากคุณหมอชื่อดังของประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าคุมโรคโคโรน่าได้สำเร็จ

     อย่างที่เราทราบกันดีว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Corona นั้นระบาดไปทั่วโลกแทบจะทุกประเทศกำลังประสบกับปัญหาจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีการทวีเพิ่มมากขึ้นถึงแม้ว่าจะผ่านมาเป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้วก็ตามซึ่งแต่ละประเทศนั้นต่างก็พยายามที่จะหาวิธีการป้องกันและควบคุมไม่ให้เชื้อโรคนี้แพร่ระบาดแต่ก็สามารถทำได้ยากยิ่งนักรวมถึงแม้ว่าทางนักวิทยาศาสตร์ของแต่ละประเทศนั้นจะพยายามคิดค้นหาตัวยาเพื่อทำเป็นวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้แล้วก็ตาม

แต่ในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่สามารถผลิตวัคซีนที่จะสามารถป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่านี้ได้ถึงแม้ว่าประเทศดังกล่าวนั้นจะเป็นประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกาหรือยุโรปก็ตามอย่างไรก็ดีประเทศในกลุ่มอเมริกาและยุโรปส่วนใหญ่นั้นจะพบปัญหาเรื่องของการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรน่านั้นแทบไม่ได้เลยต่างกับประเทศแถบทางโซนเอเชีย

ซึ่งสามารถที่จะดูแลประชากรให้สามารถติดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ลดน้อยลงได้อย่างเห็นได้ชัดซึ่งสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละประเทศนั้นจะมีการประกาศออกมาให้กับประเทศทราบว่าขณะนี้แต่ละประเทศนั้นมีผู้ติดเชื้อไวรัสกรุณามากแค่ไหนและมีผู้เสียชีวิตมากน้อยแค่ไหนโดยประเทศสูงสุดยังเป็นประเทศในแถบอเมริกาและยุโรปคุณหมอของประเทศสหรัฐอเมริกาท่านหนึ่งซึ่งเป็นคุณหมอชื่อดังทางด้านโรคหัวใจชื่อว่าอีริค   เจฟฟรีย์ โทรพอล ซึ่งเป็นคุณหมอชื่อดังที่คนในประเทศสหรัฐอเมริกา

รู้จักกันเป็นอย่างดีคุณหมอเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของการเขียนหนังสือเกี่ยวกับทางการแพทย์และยังเป็นที่กว้างขวางในวงการแพทย์ได้ออกมาพูดถึงเรื่องของโรคไวรัสโคโรน่าว่าคุณหมอนั้นมีการชื่นชมประเทศอยู่ 5 ประเทศที่ลักษณะของการควบคุมการดูแลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นน่าจะได้ผลไปในทางที่ดีซึ่ง 5 ประเทศนั้น

ได้แก่ประเทศนิวซีแลนด์   ประเทศไอซ์แลนด์   ประเทศไต้หวัน   ประเทศเวียดนาม  และรวมด้วยประเทศไทยซึ่ง 5 ประเทศนี้มีลักษณะของการติดเชื้อไวรัสโรต้านั้นมีลักษณะจำนวนผู้ติดเชื้อค่อยๆลดลงอย่างประเทศนิวซีแลนด์ตอนนี้แทบจะไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัส Coronaเลยซึ่งประเทศ ทั้ง 5 นี้กำลังมีการปลดล็อคมาตรการล็อคดาวประเทศ

เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและกำลังใจเปิดธุรกิจและเศรษฐกิจให้กลับมาใช้งานได้ไหมอีกครั้งหนึ่งในขณะที่ประเทศอื่นประสบกับชะตากรรมโรคระบาดยังมีการแพร่อยู่ทั่วประเทศและประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างมากก็คือประเทศเวียดนามอีกประเทศหนึ่งที่ไม่ควรจะลืมเนื่องจากว่าประเทศเวียดนามนั้นไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสคนไหนเสียชีวิตเลย

และยังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดียิ่งขึ้นด้วย สำหรับประเทศไทยเองนั้นก็ถูกยกย่องเรื่องของการดูแลมาตรฐานการควบคุมโรคระบาดซึ่งปัจจุบันนี้ประเทศไทยนั้นก็สามารถที่จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้จะมีผลเป็นที่น่าพอใจในขนาดนี้แล้ว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame

ชายวัย 74 ฆ่าตัวตายที่บ้านพัก คราดเครียดกลัวป่วยติดโควิด-19

Posted on 19 เมษายน 202019 เมษายน 2020Categories ข่าวที่น่าสนใจTags

  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. รัตนบุรี  ได้รับการแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนก่อเหตุฆ่าตัวตายภายในบ้านพักของตนเองถึงบ้านหลังดังกล่าวอยู่ที่หมู่บ้านโคกพอก   จังหวัดสุรินทร์ และเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุเพื่อไปทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุซึ่งบ้านหลังดังกล่าวพบว่าเป็นบ้านที่สร้างจากปูนเป็นบ้านชั้นเดียวเมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้านภายในบริเวณบ้านจะมีเตียงนั่งเล่น

ซึ่งทำจากไม้ไผ่วางอยู่ตรงกลางบ้านโดยบริเวณเตียงนั้นมีร่องรอยของไปไม่ได้รับความเสียหายบางส่วนและเมื่อมองไปที่ใต้เตียงก็จะเห็นว่ามีการวางกระทะไว้อยู่ที่ใต้เตียงซึ่งภายในกระทะนั้นมีการนำเอาเสื้อผ้ามาใส่ไว้และมีร่องรอยของการถูกไฟไหม้ซึ่งคาดว่าทางเจ้าของบ้านน่าจะมีการเอาเสื้อผ้ามาเผาโดยคนเสียชีวิตนั้นเป็นผู้ชายชื่อว่าในสังข์ 

สภาพร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่ทำตัวเหมือนกับว่ามีการถูกไฟไหม้เลยเสียชีวิตตรงบริเวณแถวเตียงนอนซึ่งลอยของไฟไหม้นอกจากจอเผ่าเตียงแล้วยังไม่บริเวณเก้าอี้อีกด้วยซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบสภาพศพแล้วคาดว่าน่าจะตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5-6 ชั่วโมงด้วยกัน จากการสอบถามน้องชายของผู้ตายชื่อว่านายสินได้ให้การว่าผู้ตายอายุ 74 ปี

รือผู้ตายอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวคนเดียวพอเลิกรากับภรรยาไปนานแล้วผู้ตายเคยมีลูกชายอยู่คนนึงแต่ก็เพิ่งตายไปเมื่อปี 2561 ส่วนลูกสาวของผู้ตายนั้นก็แต่งงานไปมีครอบครัวอยู่ที่จังหวัดอื่นโดยนายสินเราให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าวันที่เกิดเหตุนั้นช่วงเวลาประมาณตอน21:00 น. ตนเองกำลังนั่งเล่นอยู่กับผู้ตายโดยมีการพูดคุยกันตามปกติ อยู่ดีๆพูดไปก็บอกว่ามีคนจะมาฆ่าเขาซึ่งตนเองยังบอกเลยว่าคิดมากไม่มีใครมาฆ่าหรอกเคยคุยกันอยู่สักพักก็แยกย้ายกันไปนอน

โดยผู้ตายได้กลับไปนอนที่บ้านของตนเองส่วนในสิ่งนั้นก็ไปนอนที่ห้างเพราะต้องไปนอนเฝ้านาและเฝ้าวัวเพราะตอนเช้าเดินก็เดินทางมาที่บ้านของพี่ชาย จึงทำให้รู้ว่าพี่ชายฆ่าตัวเองตายแล้วโดยทำการจุดไฟรมควันตนเองหลังจากนั้นในสิ่งก็ได้เดินทางไปบอกญาติแถวหมู่บ้านแล้วก็ได้โทรตามเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาตรวจสอบ

ซึ่งทางเพื่อนบ้านก็ได้มีการเล่าให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าผู้ตายเพิ่งเดินทางกลับมาจากการไปเยี่ยมลูกสาวที่ต่างจังหวัดตรังจากนั้นก็ถูกเจ้าหน้าที่กลุ่มอสม. ให้กักตัวอยู่ที่บ้านเป็นระยะเวลา 14 วันซึ่งคาดว่าผู้ตายน่าจะเกิดจากความเครียดที่ไม่ได้ออกไปเจอพบปะผู้คนทำให้คิดมากอีกทั้งผู้ตายอาจจะกลัวว่าตนเองจะติดเชื้อไวรัสโคโรนาก็เลยทำให้คิดสั้นฆ่าตัวตาย

เมียเศร้าผัวเสียชีวิตโทรไปทวงเงินแค่เพียง 1,000 บาท

Posted on 22 มีนาคม 202022 มีนาคม 2020Categories ข่าวที่น่าสนใจTags

เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดลำพูน ผู้เสียชีวิตชื่อว่าคุณสิรากร อายุ 25 ปี เจอตัวถูกอาวุธมีดและกรรไกรตัดหญ้าแทงจนเสียชีวิต โดยตอนที่กู้ภัยเดินทางไปตรวจสอบ ศพของนายศิวกรพบว่าถูกแทงตรงบริเวณด้านราวนมซ้ายจำนวน 1 แผล ด้วยอาวุธมีดทำครัวและขณะเดียวกัน ศพของนายศิวกรก็มีกรรไกรตัดหญ้าวางอยู่ด้วย

ซึ่งเมื่อนักข่าวได้ไปสอบถามกับคนที่เห็นเหตุการณ์ ว่าเกิดอะไรขึ้น สถานที่เกิดเหตุเป็นเพียงห้องเช่าเท่านั้น และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงคนร้ายที่ก่อเหตุแทงคุณศิวกรเสียชีวิตก็ยืนรอมอบตัวอยู่ตรงที่ห้องเช่าและตรงจุดเกิดเหตุนั่นเองไม่ได้หนีไปไหน โดยผู้ก่อเหตุชื่อว่านายณัฐอายุ 43 ปีด้วยเขาสารภาพว่าเขาเป็นคนแทงในศิวกรเอง ซึ่งเขาให้เหตุผลว่าคุณศิวกรเป็นคนบุกรุกเข้ามาหาเขาก่อน ในวันที่นายศิวกรเดินทางมานายศิวกรนำกรรไกรตัดหญ้ามาด้ว

ยเมื่อมาถึงก็นำกันไปตะกร้ามาทุบที่กระจกหน้าต่างซึ่งตอนนั้นเองในนัดกำลังนั่งอยู่กับแฟนสาวในห้องพัก ซึ่งปัญหาเกิดจากที่แฟนสาวของนายนัทได้ไปติดเงินนายศิวกรจำนวน 1,000 บาท นายศิรากรก็เลยเดินทางมาทวงเงินนางสาวอังคณาแฟนสาวของคนก่อเหตุ ซึ่งตอนที่นายศิวกรเดินทางมาหานางสาวอังคณานั้นได้ถือกรรไกรตัดหญ้ามาด้วย และนายศิวกรยังเดินทางมาทวงหนี้นางสาวอังคณาในช่วงเวลาตอนกลางคืนลักษณะท่าทางเหมือนจะมาคุกคามนางสาวอังคณาแฟนสาวของคนร้าย ทำให้นางสาวอังคณากลัวจึงไม่ออกมาแต่ในนั้นเป็นคนออกมาแทน จึงได้มีปากเสียงกันเกิดขึ้นเนื่องจากว่านายนัทไม่พอใจที่นายศิวกรเดินทางมาทวงหนี้ตอนกลางคืนแถมยังพกอาวุธมาด้วย

หลังจากนั้นก็เกิดการต่อสู้กันซึ่งในนัดได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้มีดแทงในศิวกรแต่เนื่องจากว่าเกิดการแย่งกันขึ้นทำให้มือไปโดนมีดแล้วแทงไปโดนนายศิวกรจนถึงแก่ความตาย ซึ่งในนัดยังได้กล่าวได้ว่าตอนที่แทงเข้าไป 1 แผลนั้นในศิวกรยังไม่ตายยังสามารถเดินไปได้อีกหน่อยนึงก่อนที่จะล้มลง

ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมนายนัดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งในนัดก็ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือแทงจริงแต่ไม่ได้เจตนาแต่เพราะนายศิวกรตั้งใจจะมาทำร้ายแฟนสาวเพราะนำอาวุธมาด้วยตนจึงต้องทำการป้องกันตัวและยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อมากนักเพราะว่าเงินแค่ 1,000 บาททางนายศิวกรไม่จำเป็นต้องมาทวงอย่างเร่งด่วนในช่วงเวลากลางคืนแผนการทวงเงินก็ยังใช้อารมณ์รุนแรงซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมองว่าสาเหตุน่าจะมาจากการหึงหวงกันมากกว่าแต่ทั้งนี้ต้องรอการสืบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง 

ข่าว สนธิญา ตามหาตัวแหม่มโพธิ์ดำ 

Posted on 15 มีนาคม 202015 มีนาคม 2020Categories ข่าวเด่นวันนี้Tags ,

ข่าว สนธิญา ตามหาตัวแหม่มโพธิ์ดำ  เหตุเพราะออกมาแฉเรื่องหน้ากากอนามัย ทำเอาเพจดังงง

           จากกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับการกักตุนหน้ากากอนามัย ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับคนของรัฐบาล โดยตรง โดยการเผยแพร่ข่าวสารการกักตุนหน้ากากอนามัยในครั้งนี้ มาจากข้อมูลข่าวที่ทางเพจดาร์ก เพจหนึ่งได้ออกมาบอกเล่าเรื่องราวพร้อมกับนำคลิปและหลักฐานต่างต่างออกมาตีแพร่ให้คนในสังคมได้รับรู้กันนั้น  เมื่อเป็นข่าวดังขึ้นมาปรากฏว่านาย สนธิญา ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นสมาชิกวุฒิสภาของ พรรคพลังประชารัฐ ได้เข้าไปร้องให้ทางกองปราบ หาข้อมูลเจ้าของเพจ ดาร์ก แหม่มโพธิ์ดำ

ซึ่งเป็นเพจที่กล้าจะนำหลักฐานการกักตุนหน้ากากอนามัยออกมาตีแพร่ โดยนาย สนธิญาให้เหตุผลว่า การที่ทางเพจแหม่มโพธิ์ดำ ออกมากล่าวหาใครนั้นตัวเองควรจะมีความโปร่งใส และมีตัวตนทียืนยันได้แน่ชัดเสียก่อน  ซึ่งภายหลังจากที่มีการเข้าไปร้องกับกองปราบ

ทางเพจแหม่มโพธิ์ดำเองก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อว่า นายสนธิญาว่า แทนที่จะเอาเวลามาหาว่าใครคือแหม่มโพธิ์ดำ ทำไมไม่เอาเวลาดังกล่าวไปจัดการหาความจริงเรื่องที่มีการกักตุนหน้ากากอนามัยแทน เพราะพยานหลักฐานก็ส่งไปให้หมดแล้ว แต่จะมาหาความจริงแค่ว่าใครที่เป็นคนเปิดเผยทำไม ซึ่งเรื่องนี้ทางแหม่มโพธิ์ดำเองก็ออกมายืนยันแล้วว่าจะไม่เผยตัวเด็ดขาดว่าเป็นใคร และจะไม่เดินทางไปที่กองปราบ หรือสถานีตำรวจด้วย 

            ซึ่งเหตุการณ์ที่ นายสนธิญา ได้ออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ เป็นการกระทำที่หลายคนมองว่าเป็นการยุ่งและดูดิ้นมาก ซึ่งหากมองไปแล้วเหมือนนาย สนธิญา เป็นคนทำความผิดโดยการกักตุนหน้ากากอนามัยซะเอง ที่จริงทีทางเพจแหม่มโพธิ์ดำ ออกมาเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่ไม่มีใครที่จะกล้าทำแบบนี้ เขาก็ต้องป้องกันอันตรายให้กับตัวเองอยู่แล้วจะมีใครมาเปิดเผยตัวเองว่าเป็นคนส่งหลักฐานต่างต่างให้ตำรวจกัน ไม่เช่นนั้น

เขาก็ถูกตามทำร้ายหรือถูกตามฆ่าสิ  อันที่จริงนาย สนธิญา ควรจะดีใจที่มีคนเข้ามาช่วยบ้านเมือง และสังคมหาตัวคนร้ายที่ชอบกักตุนหน้ากากอนามัยจนทำให้คนไทยขาดแคลน ไม่มีหน้ากากอนามัยใช้ ยังจะดีกว่ามาคอยหาเรื่องว่าเจ้าของเพจเป็นใคร โดยจากข่าวนี้คนในโลกโซเชียลต่างก็รุมด่า นายสนธิญากันเป็นส่วนใหญ่ ที่มายุ่งวุ่นวายในสิ่งที่ไม่ควรยุ่ง

ส่วนเรื่องที่ควรจัดการอย่างเร่งด่วน อย่างเช่น หาข้อมูลว่าใครคือตัวการใหญ่ในการกักตุนหน้ากากอนามัยแล้วส่งไปขายที่จีนกันแน่ นายสนธิญากลับไม่ทำ ซึ่งถือว่าการเป็น สส. ของนายสนธิญา นี่เสียเปล่าจริงจริง

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  next88

หนุ่มโพสต์แฉตำรวจจับเมียไปเรียกค่าไถ

Posted on 12 มีนาคม 202012 มีนาคม 2020Categories ข่าวที่น่าสนใจTags

หนุ่มโพสต์แฉตำรวจจับเมียไปเรียกค่าไถเรียกเงินจำนวนสามแสน บาท

      กรณีที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ได้มีข้อความโพสต์เตือนลงใน Facebook เพื่อเป็นการระบายความคับแค้นใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับภรรยาของตนเองที่ชื่อว่านางพิมพ์กับบุตรชายที่มีอายุเพียงแค่หนึ่งขวบเศษเท่านั้นโดยชายหนุ่มคนดังกล่าวสมมติชื่อว่านายพลได้มีการเล่าให้กับผู้สื่อข่าวรวมทั้งโพสต์ระบายลงใน Facebook ของตนเองว่าเมื่อวันที่สามเดือนกุมภาพันธ์ปีพ.ศ. 2563 ภรรยาของตนคือนางพิมพ์ได้ขับช ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับภรรยาของตนเองที่ชื่อว่านางพิมพ์กับบุตรชายที่มีอายุเพียงแค่หนึ่งขวบเศษเท่านั้น

โดยชายหนุ่มคนดังกล่าวสมมติชื่อว่านายพลได้มีการเล่าให้กับผู้สื่อข่าวรวมทั้งโพสต์ระบายลงใน Facebook ของตนเองว่าเมื่อวันที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ปีพ.ศ. 2563 ภรรยาของตนคือนางพิมพ์ได้เดินทางไปงานแต่งงานญาติซึ่งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่เช่นเดียวกันแต่คนละอำเภอโดยขากลับพัทยาได้อาศัยนั่งรถชาวบ้านที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกลับมาบ้าน แต่ระหว่างทางได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหลายนายตั้งด่านตรวจซึ่งรถคันที่ภรรยาของตนคือนั่งพิมพ์นั่งมานั้นตำรวจเรียกตรวจสอบฉี่กันทุกคนแต่ไม่มีใครมีฉี่สีม่วงหรือไม่มีใครที่มีสารเสพย์ติดไว้ในครอบครองแต่นางพิมพ์ถูกตั้งข้อหาไม่พกบัตรต่างด้าวตำรวจจึงได้ตัวน้องพิมพ์และลูกไปพูดคุยตกลงกัน

เพื่อขอเงินจำนวน 500,000 บาท โดยบอกว่าหากบำเพ็ญจ่ายเงินจำนวนนี้มาจะไม่มีการเอาเรื่องซึ่งในขณะนั้นนางพิมพ์มีเงินติดตัวอยู่แค่เพียง 80,000 บาทเท่านั้นด้วยความกลัวจึงได้กดเงินจากเอทีเอ็มส่งให้ตำรวจแต่ตำรวจบอกว่าถ้าจ่ายไม่ครบจะไม่ปล่อยตัวจึงไปโอนเงินที่ธนาคารให้อีก 60,000 บาท

และมีผู้หญิงคนหนึ่งแจ้งว่าเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสนอออกเงินให้ก่อนเป็นจำนวนเงิน 160,000 บาท เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เงินครบแล้วจึงปล่อยตัวนางพิมพ์กลับบ้านและเมื่อมาถึงบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวก็โทรมาทวงเงินในพลจึงได้โอนเงินไปให้หลังจากนั้นจึงได้นำหลักฐานทั้งหมดไปทำการร้องเรียนที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาคห้าซึ่งหลังจากที่มีการร้องเรียนแล้วมีตัวแทนหลายคนได้ติดต่อเข้ามาหาในพลเพื่อเจรจาขอคืนเงินและให้ในพลยกเลิกการแจ้งความแต่ในพลเย็นๆว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ซึ่งในขณะที่นักข่าวได้ลงไปทำข่าวกำลังพูดคุยกับนายพลก็มีคนโทรเข้ามาขอเจรจาคืนเงินเช่นกันซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับเรื่องร้องเรียนรับปากว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายซึ่งนายพลมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอตอนที่ถูกรีดไถเงินด้วย                      

 

 

สนับสนุนโดย  dewabet

วิกฤติ กันทั้งประเทศ

Posted on 8 มีนาคม 20208 มีนาคม 2020Categories ข่าวที่น่าสนใจTags

วิกฤติ กันทั้งประเทศ ขนาดโรงพยาบาลศิริราช ยังมีหน้ากากอนามัยไม่พอใช้ ตอนนี้เหลือที่พอใช้ได้แค่เพียง 3 อาทิตย์เท่านั้น

           ปัจจุบันนี้หน้ากากอนามัยคือสิ่งที่จำเป็นที่ทุกคนในประเทศต้องการใช้เป็นอย่างมาก แต่กลับขาดแคลนไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยใช้ได้ ซึ่งทางโรงพยาบาลหลายแห่งได้ออกมายอมรับกันแล้วว่า ที่โรงพยาบาล ทั้งแพทย์และพยาบาลต้องการต้องใช้หน้ากากอนามัยกันอย่างประหยัด วันหนึ่งจะใช้ได้เพียงแค่แผ่นเดียวเท่านั้น

ซึ่งบางโรงพยาบาลต้องเอาของเก่าที่ใช้เมื่อวานกลับมาใช้ใหม่กันแล้วเพราะไม่สามารถที่จะหาซื้อหน้ากากอนามัยได้เลย โดยล่าสุดทางโรงพยาบาลศิริราชเองก็เช่นเดียวกัน กำลังประสบกับปัญหาหน้ากากอนามัยไม่พอใช้ ซึ่งปัจจุบันคุณหมอและพยาบาลต้องใช้หน้ากากอนามัยกันคนและแค่ หนึ่งแผ่นเท่านั้น

และยังให้ใส่ได้เฉพาะคนที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับคนไข้เท่านั้นด้วย หากใครทำงานที่ไม่ได้เจอกับคนไข้ก็จะไม่สามารถใช้หน้ากากอนามัยได้ ซึ้งเป็นอันตรายต่อบุคลากรทีทำงานที่โรงพยาบาลเป็นอย่างมาก เพราะคนเหล่านี้ล้วนอยู่ในพื้นที่ของโรงพยาบาลซึ่งปกติคนก็เยอะและเชื้อโรคก็เยอะอยู่แล้ว ยังต้องมาเสี่ยงอันตรายเพราะหน้ากากอนามัยคลาดแคลนแบบนี้อีก

ทางโรงพยาบาลศิริราช ออกมาเปิดเผยว่าตอนนี้ทางโรงพยาบาลมีหน้ากากอนามัยที่ใช้งานได้เหลือไม่เกิน 3 อาทิตย์เท่านั้นซึ่งตอนนี้ ยังต้องให้ทั้งหมอและพยาบาลช่วยกันประหยัดในการใช้หน้ากากอนามัยกันไปก่อนเพราะยังไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยได้เลย 

            สำหรับการขาดแคลนหน้ากากอนามัยนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ เพราะที่ประเทศไทยมีโรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยขาย สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ แต่ทำไมประเทศไทยถึงยังขาดแคลนหน้ากากอนามัยกันอีก เป็นเรื่องทีน่าคิดว่าจะมีการสั่งกักตุนหน้ากากอนามัยจากคนใหญ่คนโตที่ไหนหรือไม่ เพราะมีข่าวหลายกระแสมากที่ถูกระบุออกมาว่ามีการผลิตหน้ากากอนามัยจากทางโรงงานทุกวัน แต่หน้ากากอนามัยไม่สามารถนำออกมาจำหน่ายได้

เพราะมีคนมายืนเฝ้าที่หน้าโรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยทุกที่ไม่ให้ขนของออกนอกโรงงาน  ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นเรื่องจริงซะด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแล้วหน้ากากอนามัยจะหายไปไหนได้ เพราะประเทศไทยมีโรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยขายหลายแห่ง หากมีการผลิตก็ต้องมีขายแล้วแต่ตอนนี้ร้านค้าที่ไหนก็ไม่มีขาย โดยอ้างว่าขาดแคลนหน้ากากอนามัย

แต่ในช่วงนี้ทางรัฐบาลกลับมีหน้ากากอนามัยมาแจกให้กับประชาชนคนละนิดละหน่อย ซึ่งอยากรู้ว่ารัฐบาลไปหาหน้ากากอนามัยจากที่ไหนมาแจกให้กับประชาชน ทั้งที่ทั่วทั้งประเทศหาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้กันอยู่แบบนี้ เรื่องนี้คงต้องรอดูกันไปนานนานว่าความจริงคืออะไร

 

สนับสนุนโดย  nowbet

หนุ่มไม่พอใจเข้าไปร้านนวดแล้วพนักงานไม่ยอมนวดน้องชายให้ 

Posted on 22 กุมภาพันธ์ 2020Categories ข่าวที่น่าสนใจTags

       เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการแจ้งความจากเจ้าของร้านนวดแผนโบราณ

ให้ดำเนินคดีกับชายคนหนึ่งที่ชื่อว่านายป๋อง ซึ่งชายหนุ่มคนนี้ได้เดินทางไปที่ร้านนวดแผนโบราณ เพื่อให้พนักงานนวดให้ซึ่งนอกจากนวดตามร่างกายแล้ว นายป๋องยังต้องการให้นวดกระปู๋ของตัวเองด้วย แต่พนักงานร้านไม่ยอมทำให้ 

        ข่าวนี้เกิดจากทางร้านออกมาแชร์ลูกค้ารายหนึ่งที่ไปที่ร้านเพื่อนวดคลายเมื่อยแต่กลับแจ้งให้พนักงานช่วยนวดกระปู๋ให้ซึ่งพนักงานร้านไม่ยอมทำให้เพราะร้านเปิดมาเพื่อนวดจับเส้นสำหรับคนที่ปวดเมื่อยเนื้อตัวเท่านั้นไม่ได้เปิดร้านอย่างอื่น ซึ่งทางร้านได้มีการนำคลิปวีดิโอไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ

โดยภายในคลิปจะเห็นชายที่เข้าไปใช้บริการกำลังทะเลาะกับพนักงานนวดสาว ซึ่งชายคนดังกล่าวไม่พอใจกับการบริการของพนักงานที่ไม่ยอมนวดกระปู๋ให้เขา ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ อำเภอเสม็ด  ซึ่งทางร้านได้ออกมาบอกว่าที่ร้านเปิดกิจการนวดแผนโบราณ ซึ่งลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการจะสามารถใส่กางเกงในหรือจะถอดกางเกงในให้นวดก็ได้

แต่ทางร้านก็จะมีกฎว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวตรงกระปู๋ของลูกค้าเด็ดขาด ซึ่งในวันเกิดเหตุนายป๋องได้เข้ามาใช้บริการและถอดกางเกงใน ซึ่งพนักงานก็นวดตามร่างกายให้ปกติ แต่พอนวดมาใกล้กับกระปู๋ของนายป๋อง นายป๋องกลับบอกให้พนักงานนวดกระปู๋ให้หน่อย โดยบอกให้พนักงานช่วยสำเร็จความใคร่ให้หน่อยแต่พนักงานปฏิเสธ

ไม่ยอมทำให้ ทำให้นายป๋องไม่พอใจ และได้บอกกับพนักงานว่างั้นไม่นวดแล้ว หลังจากนั้นนายป๋องก็ลงไปข้างล่างแล้วต่อว่าเจ้าของร้าน และได้พูดจาข่มขู่กับพนักงานว่าตนเองมีพี่ชายเป็นนายตำรวจยศใหญ่ในจังหวัดชลบุรี เดี๋ยวจะให้ตำรวจมาปิดร้านนี้เลยและในขณะเดียวกันนายป๋องก็มีการนำปืนออกมาข่มขู่พนักงานของร้านด้วย

ทำให้พนักงานเกิดความเกรงกลัว จึงได้นำคลิปจากกล้องวงจรปิดภายในร้านมาเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพราะทุกคนภายในร้านนวดเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรับแจ้งความเอาไว้แล้วและจะมีการดำเนินการเชิญตัวนายป๋อง มาพูดคุยและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการนวดน้ำมันนั้นกับการนวดกระปุ๋นั้นมันคนละอย่างกัน

ซึ่งหากนายป๋องยากให้นวดกระปู๋ควรไปร้านอื่นที่ไม่ใช่ร้านนี้ เพราะร้านนี้จะมีการติดป้ายเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าไม่มีบริการค้าประเวณี ส่วนถ้านายป๋องอยากใช้บริการนวดกระปู๋ก็มีร้านอื่นที่เปิดให้บริการ ซึ่งนายป๋องสามารถไปใช้บริการที่ร้านเหล่านั้นได้