หนุ่มโพสต์แฉตำรวจจับเมียไปเรียกค่าไถ

Posted on 12 มีนาคม 202012 มีนาคม 2020Categories ข่าวที่น่าสนใจTags

หนุ่มโพสต์แฉตำรวจจับเมียไปเรียกค่าไถเรียกเงินจำนวนสามแสน บาท

      กรณีที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ได้มีข้อความโพสต์เตือนลงใน Facebook เพื่อเป็นการระบายความคับแค้นใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับภรรยาของตนเองที่ชื่อว่านางพิมพ์กับบุตรชายที่มีอายุเพียงแค่หนึ่งขวบเศษเท่านั้นโดยชายหนุ่มคนดังกล่าวสมมติชื่อว่านายพลได้มีการเล่าให้กับผู้สื่อข่าวรวมทั้งโพสต์ระบายลงใน Facebook ของตนเองว่าเมื่อวันที่สามเดือนกุมภาพันธ์ปีพ.ศ. 2563 ภรรยาของตนคือนางพิมพ์ได้ขับช ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับภรรยาของตนเองที่ชื่อว่านางพิมพ์กับบุตรชายที่มีอายุเพียงแค่หนึ่งขวบเศษเท่านั้น

โดยชายหนุ่มคนดังกล่าวสมมติชื่อว่านายพลได้มีการเล่าให้กับผู้สื่อข่าวรวมทั้งโพสต์ระบายลงใน Facebook ของตนเองว่าเมื่อวันที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ปีพ.ศ. 2563 ภรรยาของตนคือนางพิมพ์ได้เดินทางไปงานแต่งงานญาติซึ่งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่เช่นเดียวกันแต่คนละอำเภอโดยขากลับพัทยาได้อาศัยนั่งรถชาวบ้านที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกลับมาบ้าน แต่ระหว่างทางได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหลายนายตั้งด่านตรวจซึ่งรถคันที่ภรรยาของตนคือนั่งพิมพ์นั่งมานั้นตำรวจเรียกตรวจสอบฉี่กันทุกคนแต่ไม่มีใครมีฉี่สีม่วงหรือไม่มีใครที่มีสารเสพย์ติดไว้ในครอบครองแต่นางพิมพ์ถูกตั้งข้อหาไม่พกบัตรต่างด้าวตำรวจจึงได้ตัวน้องพิมพ์และลูกไปพูดคุยตกลงกัน

เพื่อขอเงินจำนวน 500,000 บาท โดยบอกว่าหากบำเพ็ญจ่ายเงินจำนวนนี้มาจะไม่มีการเอาเรื่องซึ่งในขณะนั้นนางพิมพ์มีเงินติดตัวอยู่แค่เพียง 80,000 บาทเท่านั้นด้วยความกลัวจึงได้กดเงินจากเอทีเอ็มส่งให้ตำรวจแต่ตำรวจบอกว่าถ้าจ่ายไม่ครบจะไม่ปล่อยตัวจึงไปโอนเงินที่ธนาคารให้อีก 60,000 บาท

และมีผู้หญิงคนหนึ่งแจ้งว่าเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสนอออกเงินให้ก่อนเป็นจำนวนเงิน 160,000 บาท เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เงินครบแล้วจึงปล่อยตัวนางพิมพ์กลับบ้านและเมื่อมาถึงบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวก็โทรมาทวงเงินในพลจึงได้โอนเงินไปให้หลังจากนั้นจึงได้นำหลักฐานทั้งหมดไปทำการร้องเรียนที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาคห้าซึ่งหลังจากที่มีการร้องเรียนแล้วมีตัวแทนหลายคนได้ติดต่อเข้ามาหาในพลเพื่อเจรจาขอคืนเงินและให้ในพลยกเลิกการแจ้งความแต่ในพลเย็นๆว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ซึ่งในขณะที่นักข่าวได้ลงไปทำข่าวกำลังพูดคุยกับนายพลก็มีคนโทรเข้ามาขอเจรจาคืนเงินเช่นกันซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับเรื่องร้องเรียนรับปากว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายซึ่งนายพลมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอตอนที่ถูกรีดไถเงินด้วย                      

 

 

สนับสนุนโดย  dewabet

วิกฤติ กันทั้งประเทศ

Posted on 8 มีนาคม 20208 มีนาคม 2020Categories ข่าวที่น่าสนใจTags

วิกฤติ กันทั้งประเทศ ขนาดโรงพยาบาลศิริราช ยังมีหน้ากากอนามัยไม่พอใช้ ตอนนี้เหลือที่พอใช้ได้แค่เพียง 3 อาทิตย์เท่านั้น

           ปัจจุบันนี้หน้ากากอนามัยคือสิ่งที่จำเป็นที่ทุกคนในประเทศต้องการใช้เป็นอย่างมาก แต่กลับขาดแคลนไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยใช้ได้ ซึ่งทางโรงพยาบาลหลายแห่งได้ออกมายอมรับกันแล้วว่า ที่โรงพยาบาล ทั้งแพทย์และพยาบาลต้องการต้องใช้หน้ากากอนามัยกันอย่างประหยัด วันหนึ่งจะใช้ได้เพียงแค่แผ่นเดียวเท่านั้น

ซึ่งบางโรงพยาบาลต้องเอาของเก่าที่ใช้เมื่อวานกลับมาใช้ใหม่กันแล้วเพราะไม่สามารถที่จะหาซื้อหน้ากากอนามัยได้เลย โดยล่าสุดทางโรงพยาบาลศิริราชเองก็เช่นเดียวกัน กำลังประสบกับปัญหาหน้ากากอนามัยไม่พอใช้ ซึ่งปัจจุบันคุณหมอและพยาบาลต้องใช้หน้ากากอนามัยกันคนและแค่ หนึ่งแผ่นเท่านั้น

และยังให้ใส่ได้เฉพาะคนที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับคนไข้เท่านั้นด้วย หากใครทำงานที่ไม่ได้เจอกับคนไข้ก็จะไม่สามารถใช้หน้ากากอนามัยได้ ซึ้งเป็นอันตรายต่อบุคลากรทีทำงานที่โรงพยาบาลเป็นอย่างมาก เพราะคนเหล่านี้ล้วนอยู่ในพื้นที่ของโรงพยาบาลซึ่งปกติคนก็เยอะและเชื้อโรคก็เยอะอยู่แล้ว ยังต้องมาเสี่ยงอันตรายเพราะหน้ากากอนามัยคลาดแคลนแบบนี้อีก

ทางโรงพยาบาลศิริราช ออกมาเปิดเผยว่าตอนนี้ทางโรงพยาบาลมีหน้ากากอนามัยที่ใช้งานได้เหลือไม่เกิน 3 อาทิตย์เท่านั้นซึ่งตอนนี้ ยังต้องให้ทั้งหมอและพยาบาลช่วยกันประหยัดในการใช้หน้ากากอนามัยกันไปก่อนเพราะยังไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยได้เลย 

            สำหรับการขาดแคลนหน้ากากอนามัยนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ เพราะที่ประเทศไทยมีโรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยขาย สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ แต่ทำไมประเทศไทยถึงยังขาดแคลนหน้ากากอนามัยกันอีก เป็นเรื่องทีน่าคิดว่าจะมีการสั่งกักตุนหน้ากากอนามัยจากคนใหญ่คนโตที่ไหนหรือไม่ เพราะมีข่าวหลายกระแสมากที่ถูกระบุออกมาว่ามีการผลิตหน้ากากอนามัยจากทางโรงงานทุกวัน แต่หน้ากากอนามัยไม่สามารถนำออกมาจำหน่ายได้

เพราะมีคนมายืนเฝ้าที่หน้าโรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยทุกที่ไม่ให้ขนของออกนอกโรงงาน  ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นเรื่องจริงซะด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแล้วหน้ากากอนามัยจะหายไปไหนได้ เพราะประเทศไทยมีโรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยขายหลายแห่ง หากมีการผลิตก็ต้องมีขายแล้วแต่ตอนนี้ร้านค้าที่ไหนก็ไม่มีขาย โดยอ้างว่าขาดแคลนหน้ากากอนามัย

แต่ในช่วงนี้ทางรัฐบาลกลับมีหน้ากากอนามัยมาแจกให้กับประชาชนคนละนิดละหน่อย ซึ่งอยากรู้ว่ารัฐบาลไปหาหน้ากากอนามัยจากที่ไหนมาแจกให้กับประชาชน ทั้งที่ทั่วทั้งประเทศหาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้กันอยู่แบบนี้ เรื่องนี้คงต้องรอดูกันไปนานนานว่าความจริงคืออะไร

 

สนับสนุนโดย  nowbet

หนุ่มไม่พอใจเข้าไปร้านนวดแล้วพนักงานไม่ยอมนวดน้องชายให้ 

Posted on 22 กุมภาพันธ์ 2020Categories ข่าวที่น่าสนใจTags

       เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการแจ้งความจากเจ้าของร้านนวดแผนโบราณ

ให้ดำเนินคดีกับชายคนหนึ่งที่ชื่อว่านายป๋อง ซึ่งชายหนุ่มคนนี้ได้เดินทางไปที่ร้านนวดแผนโบราณ เพื่อให้พนักงานนวดให้ซึ่งนอกจากนวดตามร่างกายแล้ว นายป๋องยังต้องการให้นวดกระปู๋ของตัวเองด้วย แต่พนักงานร้านไม่ยอมทำให้ 

        ข่าวนี้เกิดจากทางร้านออกมาแชร์ลูกค้ารายหนึ่งที่ไปที่ร้านเพื่อนวดคลายเมื่อยแต่กลับแจ้งให้พนักงานช่วยนวดกระปู๋ให้ซึ่งพนักงานร้านไม่ยอมทำให้เพราะร้านเปิดมาเพื่อนวดจับเส้นสำหรับคนที่ปวดเมื่อยเนื้อตัวเท่านั้นไม่ได้เปิดร้านอย่างอื่น ซึ่งทางร้านได้มีการนำคลิปวีดิโอไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ

โดยภายในคลิปจะเห็นชายที่เข้าไปใช้บริการกำลังทะเลาะกับพนักงานนวดสาว ซึ่งชายคนดังกล่าวไม่พอใจกับการบริการของพนักงานที่ไม่ยอมนวดกระปู๋ให้เขา ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ อำเภอเสม็ด  ซึ่งทางร้านได้ออกมาบอกว่าที่ร้านเปิดกิจการนวดแผนโบราณ ซึ่งลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการจะสามารถใส่กางเกงในหรือจะถอดกางเกงในให้นวดก็ได้

แต่ทางร้านก็จะมีกฎว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวตรงกระปู๋ของลูกค้าเด็ดขาด ซึ่งในวันเกิดเหตุนายป๋องได้เข้ามาใช้บริการและถอดกางเกงใน ซึ่งพนักงานก็นวดตามร่างกายให้ปกติ แต่พอนวดมาใกล้กับกระปู๋ของนายป๋อง นายป๋องกลับบอกให้พนักงานนวดกระปู๋ให้หน่อย โดยบอกให้พนักงานช่วยสำเร็จความใคร่ให้หน่อยแต่พนักงานปฏิเสธ

ไม่ยอมทำให้ ทำให้นายป๋องไม่พอใจ และได้บอกกับพนักงานว่างั้นไม่นวดแล้ว หลังจากนั้นนายป๋องก็ลงไปข้างล่างแล้วต่อว่าเจ้าของร้าน และได้พูดจาข่มขู่กับพนักงานว่าตนเองมีพี่ชายเป็นนายตำรวจยศใหญ่ในจังหวัดชลบุรี เดี๋ยวจะให้ตำรวจมาปิดร้านนี้เลยและในขณะเดียวกันนายป๋องก็มีการนำปืนออกมาข่มขู่พนักงานของร้านด้วย

ทำให้พนักงานเกิดความเกรงกลัว จึงได้นำคลิปจากกล้องวงจรปิดภายในร้านมาเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพราะทุกคนภายในร้านนวดเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรับแจ้งความเอาไว้แล้วและจะมีการดำเนินการเชิญตัวนายป๋อง มาพูดคุยและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการนวดน้ำมันนั้นกับการนวดกระปุ๋นั้นมันคนละอย่างกัน

ซึ่งหากนายป๋องยากให้นวดกระปู๋ควรไปร้านอื่นที่ไม่ใช่ร้านนี้ เพราะร้านนี้จะมีการติดป้ายเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าไม่มีบริการค้าประเวณี ส่วนถ้านายป๋องอยากใช้บริการนวดกระปู๋ก็มีร้านอื่นที่เปิดให้บริการ ซึ่งนายป๋องสามารถไปใช้บริการที่ร้านเหล่านั้นได้