หนุ่มคลั่งยาเสพติด ทำร้ายร่างกายพ่อจนเสียชีวิตสาเหตุเพราะไม่พอใจที่พ่อขัดใจ 

              เมื่อวันที่ 25   เดือนมิถุนายน   ปีพ.ศ 2563   เจ้าหน้าที่ตำรวจของจังหวัดกาฬสินธุ์ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่ามีคนพบศพชายไทยอายุ 75 ปีนอนเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณหน้ายุ้งฉางข้าวเพิ่งมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงยังจุดที่พบศพพบว่ามีศพชายนอนเสียชีวิตด้วยสภาพการถูกทำร้ายร่างกายที่ศีรษะจนได้รับบาดเจ็บสาหัสกะโหลกศีรษะยุบจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าชายวัย 75 ปี

คนดังกล่าวนั้นชื่อว่านายสวัสดิ์   ศิริละ เขาเป็นเจ้าของยุ้งฉางข้าวที่เขานอนเสียชีวิตอยู่นั่นเองซึ่งจากการตรวจสอบสภาพศพพบว่านายสวัสดิ์น่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 วันหรือจำนวน 24 ชั่วโมงนั่นเองและพบอาวุธซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอาวุธที่ใช้สังหารนายสวัสดิ์ที่คนร้ายทำตกเอาไว้มีไม้ขนาดยาว 1 อันแล้วก็ค้อนสำหรับตอกตะปูอีก 1 อันตกอยู่ซึ่งอาวุธทั้ง 2 ชิ้นนั้นมีเลือดเปื้อนติดอยู่ด้วยจากการตรวจสอบเบื้องต้นมีการสันนิษฐานกันเอาไว้ว่าผู้ที่ก่อเหตุฆ่านายสวัสดิ์เสียชีวิตนั้นน่าจะเป็นลูกชายของนายสวัสดิ์เองที่อายุ 44 ปี

ซึ่งขณะนี้เขามีอาการหลอนยาเสพติดเนื่องจากว่าใช้ยาเสพติดมาเป็นเวลานานโดยมีการพบว่าลูกชายของนายสวัสดิ์นั้นชื่อว่านายอัครเดชเคยมีประวัติการไปรักษาตัวเกี่ยวกับการรักษาอาการทางจิตเวชที่โรงพยาบาลแต่ยังพบว่าอาการป่วยดังกล่าวนั้นยังรักษาไม่หายลำดับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงได้ไปค้นในบ้านพักของนายสวัสดิ์พบนายอัครเดชแอบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวไปที่โรงพักและทำการสอบสวนซึ่งไม่สามารถให้การอะไรได้เลยเนื่องจากว่านายอัครเดชนั้นพูดจาไม่รู้เรื่องและมีอาการกำเริบอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าในวันที่เกิดเหตุนั้น

น่าจะเป็นช่วงที่อาการทางจิตของนายอัครเดชกำเริบประกอบกับพ่อที่ขัดใจทำให้นายอัครเดชนั้นเกิดอาการไม่พอใจและได้ลงมือทำร้ายพ่อจนถึงแก่ความตายในที่สุดซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นได้มีการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตคือนายสวัสดิ์นั้นเดิมทีทำงานเป็นหัวหน้าไปรษณีย์ที่อำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ก่อนที่จะมีการเกษียณออกมาซึ่งฐานะทางบ้านของนายสวัสดิ์นั้นถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะดีเลยทีเดียวแต่กลับมีลูกชายอยู่คนเดียวที่มีพฤติกรรมมีอาการทางจิตและอยู่ระหว่างการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

            สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรามักจะเห็นว่าผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตไม่ว่าจะยังอยู่ระหว่างการรักษาตัวหรือรักษาตัวรับอาการดีขึ้นก็มักจะพบว่าคนที่มีอาการเหล่านี้มักจะทำร้าย ต่ายคนอื่นถึงแก่ความตายได้อย่างนั้นอาจจะทำให้เราต้องกลับมาพิจารณากันใหม่แล้วว่าหากครอบครัวไหนที่มีลูกหลานหรือคนในครอบครัวมีอาการทางจิตควรจะนำตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลให้หายขาดให้เรียบร้อยถึงจะนำมาอยู่กับคนอื่นในสังคมเพราะไม่ฉะนั้นก็จะกลายเป็นตัวอันตรายที่คนในสังคมต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลา

 

 

สนับสนุนโดย  rb88 pantip