สหรัฐหวั่นว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก

เรียกได้ว่าสถานการณ์ในเวลานี้หลายประเทศได้จับตามองไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเพราะว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิน-19ที่สูงเป็นอันดับต้นๆของโลกก็คือฉีดครบทั้ง2เข็มแล้วเกือบ50%ในขณะที่คนฉีดวัคซีน1โดสก็อยู่ที่50กว่าเปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศ

แต่ว่าเมื่อวานนี้ทางผู้อำนวยการสถานบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งสหรัฐอเมริกาและเป็นที่ปรึกษาเรื่องของโรคโควิด-19ในทำเนียบขาวก็ออกมาเตือนอีกครั้งนึงแล้วที่ได้มีการมองสถานการณ์โควิด-19ในอนาคตในสหรัฐอเมริกาอาจจะเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้อีกแต่ก็เชื่อว่าเรื่องของการล็อกดาวน์ที่สหรัฐเคยเผชิญมาเมื่อช่วงฤดูหนาวปีที่แล้วไม่น่าจะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งแต่อย่างใด

ซึ่งผู้อำนวยการสถาบันฝโรคภูมิแพ้บอกว่าไม่น่าจะกลับมาใช้อีกครั้งเพราะคิดว่าสัดส่วนของประชากรที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรควิด-19

ขึ้นค่อนข้างสูงแล้วแต่ยังสูงไม่พอที่จะยับยั้งที่จะหยุดการระบาดของเชื้อโควิด-19ได้แต่ก็เชื่อว่าจะไม่มีวันที่ทำให้ชาวอเมริกาต้องกลับมาเข้าสู่การล็อกดาวน์อีกเหมือนฤดูหนาวในปีที่แล้ว

เชื่อแน่ว่าในอนาคตอันใกล้นี้สถาการณ์มันจะเลวร้ายลงไปอีกเพราะว่าเมื่อลงไปดูจำนวนของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19

ก็จะเห็นว่าหลายรัฐเจอผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นยังมีคนอีก100ล้านคนในประเทศที่เป็นกลุ่มคนที่มีสิทธิที่จะฉีดวัคซีนแต่ไม่ยอมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19จากประชากรทั้งหมด330ล้านคนด้วยกัน

โดยคนกลุ่มนี้ที่จะเป็นกลุ่มเสี่ยงการนำเชื้อไปแพร่ระบาดและเมื่อติดเชื้อแล้วอาการก็ค่อนข้างรุนแรงด้วยเหมือนกัน หมอเฟาซี ยังยืนยันด้วยว่าถ้าหากว่าดูจำนวนผู้ป่วยใหม่ผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลผู้ป่วยที่อาการหนักรวมไปถึงผู้ที่เสียชีวิตนั่นก็คือ

นอกจากนี้แน่นอนว่าอย่างที่ หมอเฟาซี ที่ได้เน้นย้ำมาตลอดว่าคนกลุ่มนี้ก็คือกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19มากกว่าคนกลุ่มเสี่ยงด้วยซ้ำคนกลุ่มเสี่ยงก็คือได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19ไปแล้วเพราะฉะนั้นต่อให้คนกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19อาการก็จะไม่รุนแรงเท่ากับกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19นั่นเอง

เนื่องจากนี้ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา30กรกฎาคมนั่นเป็นวันที่สหรัฐอเมริกาเจอผู้ติดเชื้อเกินกว่า1แสนคนอยู่ที่ประมาณ12,000คนเป็นวันแรกเลยนับตั้งแต่วันที่12กุมภาพันธ์หรือพูดง่ายๆว่าสูงสุดในรอบ6เดือนด้วยกันแน่นอนว่าตรงนี้ได้สร้างความกังวลให้กับแพทย์และบุคลากรด่านหน้าด้วย

 

สนับสนุนโดย.  aesexy